Browse By

เอ็ดดี้ ฮาว ประทับใจความกระหายสร้างผลงานของ นิค โวลเทมาเดอ

เอ็ดดี้ ฮาว เฮดโค้ชของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมลูกทีมคนใหม่อย่าง นิค โวลเทมาเดอ ว่ามีความกระหายและแรงผลักดันในการสร้างผลงานที่น่าประทับใจเกินอายุ หลังเจ้าตัวเริ่มต้นการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม และกำลังกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลเดอะ แม็กพายส์อย่างรวดเร็ว ความมุ่งมั่นของดาวยิงชาวเยอรมันวัย 22 ปี ทำให้กุนซือชาวอังกฤษมั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญที่พาทีมก้าวไปสู่เป้าหมายใหญ่ได้ในอนาคตอันใกล้ นับตั้งแต่โวลเทมาเดอย้ายจากแวร์เดอร์ เบรเมน มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ ด้วยค่าตัวสูงถึง 68 ล้านปอนด์ เขาก็ถูกจับตามองอย่างมากในฐานะนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งมาพร้อมความคาดหวังมหาศาลจากทั้งสื่อและแฟนบอล แต่สิ่งที่น่าชื่นชมคือเขาไม่เคยแสดงความกดดันให้เห็นแม้แต่น้อย กลับกัน เขาใช้ความคาดหวังเหล่านั้นเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานหนักมากขึ้น และแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม เอ็ดดี้ ฮาว กล่าวหลังการฝึกซ้อมล่าสุดว่า “สิ่งที่ผมชอบที่สุดในตัวนิคคือความกระหาย เขามีความต้องการที่จะพัฒนาในทุกวัน ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ เขาอยากเรียนรู้ อยากปรับปรุง และพร้อมฟังคำแนะนำตลอดเวลา นั่นเป็นคุณสมบัติที่ผมมองหาในนักเตะทุกคน โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้า” ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่นิวคาสเซิ่ลเปิดบ้านเอาชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 โวลเทมาเดอเป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมจากจังหวะโหม่งสุดเฉียบในนาทีที่ 83 ซึ่งกลายเป็นประตูที่ทำให้แฟนบอลทั่วสนามเซนต์ เจมส์

มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ช อาร์เซน่อล ชอบวิธีการเล่นของ มาร์ติน โอเดการ์ด

มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ชของอาร์เซน่อล ออกมากล่าวชื่นชมลูกทีมคนสำคัญอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ว่าเป็นนักเตะที่เข้าใจเกมฟุตบอลได้อย่างลึกซึ้งและมีวิธีการเล่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับระบบของทีมในปัจจุบัน พร้อมยกให้กัปตันทีมชาวนอร์เวย์รายนี้เป็นแบบอย่างของนักเตะรุ่นใหม่ที่ผสมผสานระหว่างพรสวรรค์และความทุ่มเทเข้าด้วยกันอย่างลงตัว หลังเจ้าตัวเพิ่งกลับมาฟิตสมบูรณ์และทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด อาร์เซน่อลเพิ่งเปิดบ้านเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นเกมที่แฟนบอลเดอะ กันเนอร์ส ได้เห็นการกลับมาของโอเดการ์ดในสภาพที่สมบูรณ์หลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บมานานกว่า 1 เดือน แม้จะไม่ได้ทำประตูแต่กัปตันทีมหมายเลข 8 มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเกมรุก ควบคุมจังหวะ และสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่างต่อเนื่องจนทีมเล่นได้อย่างไหลลื่นและมั่นใจ หลังจบเกม อาร์เตต้ากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “ผมชอบวิธีการเล่นของมาร์ตินมาก เขาเป็นนักเตะที่มีสมอง มีความเข้าใจในเกมอย่างลึกซึ้ง และรู้ว่าต้องทำอะไรในจังหวะไหน เขาอ่านเกมได้ดีเยี่ยม และสามารถควบคุมจังหวะของทั้งทีมได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น” คำพูดของกุนซือชาวสเปนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โอเดการ์ดไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลย์เมกเกอร์ธรรมดา แต่เป็นหัวใจของระบบการเล่นที่อาร์เซน่อลพัฒนาอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน สำหรับอาร์เตต้า การได้ โอเดการ์ด กลับมาคือข่าวดีที่สุดในช่วงเวลานี้ เพราะกัปตันทีมรายนี้เป็นผู้เล่นที่เข้าใจปรัชญาฟุตบอลของเขามากที่สุด นับตั้งแต่ย้ายจากเรอัล มาดริด มาร่วมทีมแบบถาวรเมื่อปี 2021 โอเดการ์ดกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในสนาม

แบร์นาร์โด้ มองแง่ดีแมนฯ ซิตี้มี1แต้มจากสต๊าดหลุยส์II

แบร์นาร์โด้ ซิลวา มิดฟิลด์คนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมาแสดงความเห็นเชิงบวกหลังจากที่ต้นสังกัดบุกไปเสมอกับโมนาโก 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส นัดที่สอง ที่สนามสต๊าด หลุยส์ II เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าผลเสมอแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ทีมคาดหวังไว้ แต่หนึ่งแต้มที่ได้จากเกมนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่มีค่า เพราะเป็นการเก็บคะแนนในสนามที่ขึ้นชื่อว่าหนักที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป พร้อมย้ำว่าแมนฯ ซิตี้ยังคงอยู่ในเส้นทางที่ดีและมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในเป้าหมายการป้องกันแชมป์ยุโรปเกมที่สต๊าด หลุยส์ II เต็มไปด้วยความเข้มข้นและคุณภาพระดับสูง ทั้งสองทีมต่างแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ในค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรป แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นฝ่ายออกนำก่อนจากลูกยิงของเออร์ลิง ฮาแลนด์ในนาทีที่ 19 ก่อนที่โมนาโกจะตีเสมอได้จากวิสซาม เบน เยแดร์ หลังจากนั้นเกมเปิดแลกกันอย่างสูสีจนถึงนาทีที่ 72 ฮาแลนด์ก็ยิงประตูที่สองให้ทีมเยือนขึ้นนำอีกครั้ง แต่ในช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นมาได้ประตูตีเสมอจากเควิน โฟลลันด์ ทำให้จบเกมด้วยผลเสมอ 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม แบร์นาร์โด้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “แน่นอนว่าเรามาเพื่อคว้าชัยชนะ แต่บางครั้งฟุตบอลก็เป็นแบบนี้ การได้หนึ่งแต้มจากสนามที่ยากอย่างสต๊าด หลุยส์

เอ็นรีเก้โว เปแอสเช เฮเพราะDNAนักสู้

หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือของ เปแอสเช ออกมาแสดงความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยมหลังพาทีมเปิดบ้านเอาชนะคู่แข่งสำคัญในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่าสาเหตุที่เปแอสเชสามารถพลิกสถานการณ์จากความกดดันจนคว้าชัยได้อย่างงดงามนั้น เป็นเพราะ “ดีเอ็นเอแห่งนักสู้” ที่ฝังอยู่ในทีมชุดนี้ และเป็นสิ่งที่เขาพยายามปลูกฝังให้นักเตะทุกคนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับงานในถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เกมดังกล่าว เปแอสเชเอาชนะทีมแกร่งจากอิตาลีไปอย่างสุดมัน 3-1 หลังจากโดนนำก่อนในครึ่งแรก แต่สามารถกลับมาตอบโต้และคว้าสามแต้มได้ในครึ่งหลัง ด้วยฟอร์มการเล่นที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความเชื่อมั่น ทั้งจากดาวดังอย่างคีเลียน เอ็มบัปเป้, อุสมาน เด็มเบเล่ และวิตินญ่า ซึ่งช่วยกันขับเคลื่อนเกมรุกจนแนวรับของคู่แข่งแทบรับมือไม่ทัน หลังจบเกม หลุยส์ เอ็นรีเก้ กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ผมภูมิใจในนักเตะทุกคนมาก นี่คือชัยชนะที่มาจากหัวใจ ไม่ใช่แค่แท็กติกหรือเทคนิค พวกเขาแสดงให้เห็นถึงสปิริตของทีมที่ไม่ยอมแพ้จนถึงนาทีสุดท้าย” ก่อนจะเสริมว่า “สิ่งที่ผมพยายามสร้างตั้งแต่วันแรกคือดีเอ็นเอของนักสู้ในทีมชุดนี้ เราอาจมีซูเปอร์สตาร์มากมาย แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องต่อสู้เพื่อกันและกัน และวันนี้พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเปแอสเชไม่ใช่แค่ทีมที่มีชื่อเสียง แต่เป็นทีมที่มีหัวใจ” ชัยชนะในค่ำคืนนี้มีความหมายอย่างมากต่อเปแอสเช เพราะก่อนเกมพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน

มาร์ติน โอเดการ์ด ดีใจหลังหายเจ็บกลับมาลงสนาม

มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมอาร์เซน่อล ออกมาเปิดเผยความรู้สึกอย่างสุดซึ้งหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บและได้กลับมาลงสนามช่วยทีมอีกครั้งในเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งในอาชีพค้าแข้งของเขา แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งในแรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอลที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด พร้อมยืนยันว่าตอนนี้เขาพร้อมเต็มร้อยที่จะช่วยอาร์เซน่อลลุ้นความสำเร็จในทุกรายการในฤดูกาลนี้ หลังจากต้องพักรักษาตัวกว่า 5 สัปดาห์จากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่อาร์เซน่อลเสมอกับแอสตัน วิลล่า เมื่อเดือนก่อน โอเดการ์ดกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในเกมชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากแฟนบอลเดอะ กันเนอร์ส เมื่อเขาก้าวลงสนามในฐานะตัวสำรองในนาทีที่ 65 ภาพของกัปตันทีมหมายเลข 8 ยกมือขอบคุณแฟนบอลด้วยรอยยิ้มกว้าง กลายเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมทั้งสนาม โอเดการ์ด ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมด้วยความดีใจว่า “ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าที่ผมคาดไว้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก ได้กลับมาช่วยทีมอีกครั้งคือสิ่งที่ผมเฝ้ารอทุกวัน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ ก่อนจะเสริมว่า “ตอนที่บาดเจ็บ ผมได้เห็นว่าเพื่อนร่วมทีมทำงานหนักแค่ไหนเพื่อให้ทีมอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ มันทำให้ผมมีแรงกระตุ้นมากขึ้นที่จะกลับมาให้เร็วที่สุด” ระหว่างที่โอเดการ์ดต้องพัก เขาไม่เคยห่างจากทีมเลย เขาเดินทางไปซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมทุกวัน แม้จะทำได้เพียงฟื้นฟูร่างกายและเข้ารับการกายภาพบำบัด เขายังคงเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม มีรายงานว่าเขามักให้คำแนะนำกับดาวรุ่งอย่างเอมิล สมิธ

มาร์ติเนลลี่ หวังปืนลุ้นทุกแชมป์

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ปีกจรวดทีมชาติบราซิลของอาร์เซน่อล แสดงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าทีมของเขามีศักยภาพมากพอที่จะลุ้นคว้าแชมป์ในทุกรายการที่ลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ หรือคาราบาว คัพ โดยยืนยันว่าทุกคนในทีมกำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจ มีสมาธิ และพร้อมต่อสู้เพื่อเป้าหมายสูงสุดของสโมสรภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า มาร์ติเนลลี่ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษหลังเกมที่อาร์เซน่อลเพิ่งคว้าชัยเหนือโอลิมเปียกอส 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีก เฟส นัดที่สอง ซึ่งเขาเป็นคนทำประตูเปิดหัวให้กับทีมอย่างสวยงาม ดาวเตะวัย 23 ปี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรามีทีมที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งในแง่ของคุณภาพนักเตะและจิตใจของทุกคนในทีม เป้าหมายของเราคือการลุ้นทุกแชมป์ เราไม่อยากเลือกว่าจะเน้นรายการใดรายการหนึ่ง เพราะเรามีศักยภาพพอจะต่อสู้ได้ทั้งหมด” คำพูดของเขาสะท้อนชัดถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวของอาร์เซน่อลตอนนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังบวกและความมั่นใจหลังเปิดฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในพรีเมียร์ลีกที่ยังไม่แพ้ใคร และในศึกยุโรปที่เก็บชัยชนะสองนัดรวด พร้อมโชว์ฟอร์มการเล่นที่เป็นระบบระเบียบและเฉียบคมมากขึ้นกว่าปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การคุมทีมของอาร์เตต้า ทีมปืนใหญ่กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่เล่นฟุตบอลได้สวยงามและมีประสิทธิภาพที่สุดในยุโรป “ทุกคนในทีมรู้ดีว่าเราใกล้เคียงกับความสำเร็จมากแค่ไหนในฤดูกาลที่แล้ว เราเรียนรู้จากความผิดพลาด และปีนี้เราจะไม่ยอมปล่อยโอกาสหลุดมืออีก

การจับคู่ระหว่างอีซัคกับ ซาลาห์ และนูนเญซ

สำหรับ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขาเคยสร้าง “สามประสานในตำนาน” อย่าง ซาลาห์–มาเน่–ฟีร์มีโน่ ที่ทำให้โลกฟุตบอลต้องจับตามองและพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย แต่เวลาผ่านไป ยุคของสามประสานชุดเก่าก็สิ้นสุดลง วันนี้สิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกกำลังเฝ้ารอคือการกำเนิดของสามประสานใหม่ เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อีซัค กองหน้าตัวความหวังจากนิวคาสเซิ่ล ถูกคว้ามาร่วมทีม และพร้อมจะจับคู่กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ ในแนวรุกที่อาจกลายเป็นหนึ่งในชุดเกมรุกที่น่ากลัวที่สุดในยุโรป อเล็กซานเดอร์ อีซัค: ตัวต่อชิ้นสำคัญในแผนรุก อีซัคไม่ใช่กองหน้าธรรมดา เขามีความสูง 192 ซม. แต่กลับเคลื่อนที่รวดเร็ว มีเทคนิคเลี้ยงบอลและการจบสกอร์ที่เฉียบคม จุดเด่นอีกอย่างคือความสามารถในการเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีม ไม่ใช่กองหน้าที่รอบอลเพียงอย่างเดียว แต่พร้อมลงมาล้วงบอล สร้างพื้นที่ และเปิดโอกาสให้ปีกหรือกองหน้าคนอื่นได้ใช้ประโยชน์ การเข้ามาของอีซัคจึงเหมือนการเพิ่ม “อาวุธลับ” ให้กับลิเวอร์พูล เพราะเขาสามารถเล่นได้ทั้งแบบกองหน้าตัวเป้าและกองหน้าที่เคลื่อนที่อิสระ ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ทีมขาดหายไปหลังจากยุคของฟีร์มีโน่ โมฮาเหม็ด :

ลิเวอร์พูล บรรลุข้อตกลงคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อีซัค

ข่าวการที่ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สามารถบรรลุข้อตกลงกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในการคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อีซัค ศูนย์หน้าชาวสวีเดน กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามอง การเสริมทัพครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความทะเยอทะยานของหงส์แดงในยุคใหม่ แต่ยังเป็นการลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่ออนาคต ทั้งในเชิงแท็กติก ความต่อเนื่องของทีม และการรักษาความเป็นทีมลุ้นแชมป์ การได้ตัวอีซัคเข้ามา ถือเป็นการเพิ่มมิติในแนวรุกที่แตกต่างจากกองหน้าที่ลิเวอร์พูลมีอยู่เดิม ความสูงใหญ่ ผสมผสานกับความเร็วและเทคนิค ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในยุโรป และดีลนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า ลิเวอร์พูลพร้อมเดินหน้าต่อสู้กับทีมระดับท็อปเพื่อแย่งชิงความสำเร็จทั้งในลีกและยุโรป อเล็กซานเดอร์ อีซัค: จากดาวรุ่งสู่กองหน้าตัวความหวัง อีซัคเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลอาชีพกับ เอไอเค โซลน่า สโมสรในบ้านเกิดสวีเดน ก่อนจะถูกเรียกว่าเป็น “นิว อิบราฮิโมวิช” เนื่องจากรูปร่างสูงใหญ่และทักษะการเล่นที่เกินวัย เขาย้ายไปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในช่วงวัยรุ่น แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ประสบการณ์ในบุนเดสลีกาก็ช่วยขัดเกลาฝีเท้าให้เขาแกร่งขึ้น หลังจากนั้น อีซัคย้ายไปเรอัล โซเซียดาด ในลาลีกา สเปน และสามารถปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงได้

วิลล่ากำลังพิจารณายืมตัว ซานโช่ โค้งสุดท้าย

หนึ่งในข่าวที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางคือการที่ แอสตัน วิลล่า สโมสรดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังพิจารณาดึงตัว เจดอน ซานโช่ ปีกชาวอังกฤษจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว หากการย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นจริง มันอาจจะเป็นดีลที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งในแง่แท็กติก ความมั่นใจของนักเตะ และความหวังของแฟนบอล การยืมตัวผู้เล่นระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มทางเลือกในแนวรุก แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืนว่าวิลล่าพร้อมแล้วที่จะท้าทายบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีก ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงควรถูกวิเคราะห์ทั้งในมิติของแท็กติก แรงกดดัน สถานการณ์ในทีมแม่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด รวมไปถึงผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อบรรดาแฟนบอล เจดอน ซานโช่: จากดาวรุ่งสู่จุดเปลี่ยนในอาชีพ ซานโช่เคยถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ หลังจากสร้างชื่อเสียงโด่งดังกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในบุนเดสลีกา เยอรมนี เขามีสถิติการทำประตูและแอสซิสต์ที่น่าประทับใจจนทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยอมทุ่มเงินกว่า 73 ล้านปอนด์ดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2021 แต่เส้นทางในพรีเมียร์ลีกไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หลายคนคาดหวัง ความกดดันมหาศาล การปรับตัวที่ไม่ง่าย และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้จัดการทีม ทำให้ผลงานของเขาไม่สม่ำเสมอ ซานโช่ค่อย ๆ หลุดออกจากตำแหน่งตัวจริงและถูกตั้งคำถามถึงอนาคตในทีม จนกระทั่งการย้ายทีมชั่วคราวอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทั้งตัวเขาเองและต้นสังกัด วิลล่ากับวิสัยทัศน์การสร้างทีม ภายใต้การคุมทีมของ อูไน

ซันเดอร์แลนด์ : เมื่ออนาคตของมาร์ก กีอู กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

การที่เชลซีกำลังเจรจาเพื่อเรียกตัว มาร์ก กีอู (Marc Guiu) กลับจากสัญญายืมตัว สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสโมสร ซันเดอร์แลนด์ ในศึกแชมเปียนชิพ อังกฤษ ดาวรุ่งรายนี้เพิ่งปรับตัวเข้ากับทีมและเริ่มกลายเป็นกุญแจสำคัญในเกมรุก การถูกดึงกลับก่อนกำหนดย่อมทำให้ซันเดอร์แลนด์ต้องทบทวนแผนการทั้งในเชิงแท็กติกฟุตบอลและการพัฒนาในอนาคต โปรไฟล์ของซันเดอร์แลนด์ : สโมสรแห่งความหวังและประวัติศาสตร์ ซันเดอร์แลนด์เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในวงการฟุตบอลอังกฤษ แม้ช่วงหลังต้องโลดแล่นในลีกรอง แต่ชื่อเสียงและฐานแฟนบอลยังคงเหนียวแน่น สโมสรแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการให้โอกาสดาวรุ่งและการปั้นนักเตะให้กลายเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพ นี่คือเหตุผลที่เชลซีเลือกส่งมาร์ก กีอูมาหาประสบการณ์ที่นี่ บทบาทของมาร์ก กีอูในทีมซันเดอร์แลนด์ จุดเริ่มต้น แม้เพิ่งย้ายมาไม่นาน แต่กีอูสร้างความประทับใจทันทีจากการทำประตูสำคัญในเกมเปิดตัว ความสำคัญทางแท็กติก การสร้างแรงบันดาลใจ แฟนบอลเริ่มรู้สึกว่าเขาคือ “สัญลักษณ์ใหม่” ของการกลับมาของซันเดอร์แลนด์ และการมีเขาอยู่ในทีมช่วยสร้างพลังใจให้เพื่อนร่วมทีม ผลกระทบหากกีอูถูกดึงกลับ เชิงแท็กติก การเสียกองหน้าตัวเป้าไปอย่างกะทันหันอาจทำให้ ซันเดอร์แลนด์ ต้องปรับระบบใหม่ เช่น ใช้กองหน้า False 9 หรือผลักดันดาวรุ่งท้องถิ่นขึ้นมาแทน ซึ่งไม่ง่ายเลยในช่วงกลางฤดูกาล เชิงจิตวิทยา เพื่อนร่วมทีมอาจรู้สึกเสียขวัญ